บริการประชาชน
บริการประชาชน
วันที่นำเข้าข้อมูล 11 พ.ย. 2565
วันที่ปรับปรุงข้อมูล 20 ธ.ค. 2566
ผู้ที่จะยื่นคำร้องขอสละสัญชาติไทยได้ คือ คนสัญชาติไทยที่ได้รับการแปลงสัญชาติเป็นเยอรมันสมบูรณ์เรียบร้อยแล้ว โดยจะได้รับมอบ “หนังสือสำคัญการแปลงสัญชาติเป็นเยอรมัน (Einbürgerungsurkunde) จากหน่วยงานราชการเยอรมัน หากท่านได้รับ “หนังสือรับรองว่าจะได้รับการแปลงสัญชาติเป็นเยอรมัน” (Zusicherungsbescheinigung) ท่านยังไม่สามารถมายื่นคำร้องขอสละสัญชาติไทยได้ ท่านต้องรอจนกว่าจะได้รับการแปลงสัญชาติเป็นเยอรมันโดยสมบูรณ์ก่อน หลังจากนั้นจึงนำใบสำคัญการแปลงสัญชาติมายื่นประกอบคำร้องขอสละสัญชาติไทยได้
การสละสัญชาติเป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับชีวิตของท่านเป็นสำคัญ เพราะจะส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตและสิทธิหน้าที่ต่าง ๆ ของท่าน เมื่อท่านเสียสัญชาติไทย ท่านย่อมสูญเสียและหมดสิทธิและหน้าที่ต่อประเทศไทย ในขณะเดียวกันท่านจักต้องเคารพและปฏิบัติต่อกฎหมายของประเทศเยอรมนีที่ท่านถือสัญชาติ ก่อนที่ท่านจะได้รับนัดหมายให้เดินทางมาสถานเอกอัครราชทูตฯ ท่านต้องส่งคำร้องขอสละสัญชาติไทยพร้อมเอกสารประกอบมายังสถานเอกอัครราชทูตฯ ก่อน โดยสามารถติดต่อและส่งเอกสารได้ที่
โทร. : 030-7 94 81 112 (วันจันทร์ - วันศุกร์ เฉพาะช่วงเวลา 14.00 - 17.00 น.) E-mail : [email protected]
1. การยื่นคำร้องขอสละสัญชาติไทยแบบที่ 1 (ตามมาตรา 13 พ.ร.บ สัญชาติ พ.ศ. 2508)
สำหรับ: ชายหรือหญิงซึ่งได้แปลงสัญชาติตามคู่สมรส
มาตรา 13 ระบุว่า “หญิงซึ่งมีสัญชาติไทยและได้สมรสกับชาวต่างด้าวและอาจถือสัญชาติของสามีได้ตามกฎหมายว่าด้วยสัญชาติของสามี ถ้าประสงค์จะสละสัญชาติไทย ให้แสดงความจำนงต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตามแบบและวิธีการที่กำหนดในกฏกระทรวง” ในกรณีนี้ ถ้าได้ขาดจากการสมรสแล้วไม่ว่าด้วยเหตุใดๆ (จดทะเบียนหย่า ศาลสั่งให้หย่า คู่สมรสเสียชีวิต) ย่อมมีสิทธิขอกลับคืนสัญชาติไทยได้ ตามมาตรา 23 พ.ร.บ สัญชาติ พ.ศ. 2508 ทั้งนี้ หากท่านเปลี่ยนนามสกุลตามสามีในทะเบียนสมรสเยอรมันแต่ยังไม่ได้เปลี่ยนนามสกุลหลังการสมรสในทะเบียนราษฎร์ (กรณีที่ท่านเป็นผู้หญิง) ท่านต้องดำเนินการเปลี่ยนนามสกุลหลังสมรส ก่อนที่จะมายื่นคำร้องขอสละสัญชาติไทย
เอกสารที่ท่านต้องรวบรวมและส่งให้สถานเอกอัครราชทูตฯ ในกรณีนี้ มีดังนี้
ผู้ขอสามารถมายื่นคำร้องขอสละสัญชาติไทยพร้อมเอกสารประกอบด้วยตนเองหรือส่งเอกสารดังกล่าวมายังสถานเอกอัครราชทูตฯ ทางไปรษณีย์ หลังจากนั้น สถานเอกอัครราชทูตฯ จะติดต่อท่านทางโทรศัพท์เพื่อทำการนัดหมายสอบสวนการขอสละสัญชาติพร้อมสอบสวนพยาน ทั้งนี้ ในวันที่นัดหมาย ให้พยานคนไทยที่ยืนยันได้ว่าท่านเกิดที่เมืองไทยจริงและรู้จักสถานที่เกิดของท่าน 2 คนมาพร้อมกับท่าน
2. การยื่นคำร้องขอสละสัญชาติไทยแบบที่ 2 (ตามมาตรา 14 หรือ 15 ของ พ.ร.บ สัญชาติ พ.ศ. 2508)
สำหรับ:
ในกรณีนี้ ผู้ซึ่งมีสัญชาติไทยและได้เสียสัญชาติไทยตามบิดาหรือมารดาขณะที่ตนยังไม่บรรลุนิติภาวะถ้าประสงค์จะกลับคืนสัญชาติไทยให้ยื่นคำขอต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตามแบบและวิธีการที่กำหนดในกฏกระทรวง ภายในสองปีนับแต่วันที่บรรลุนิติภาวะตามมาตรา 24 พ.ร.บ สัญชาติ พ.ศ. 2508
เอกสารที่ท่านต้องรวบรวมและส่งให้สถานเอกอัครราชทูตฯ ในกรณีนี้ มีดังนี้
ผู้ขอต้องมีอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ และสามารถมายื่นคำร้องขอสละสัญชาติไทยพร้อมเอกสารประกอบด้วยตนเองหรือส่งเอกสารดังกล่าวมายังสถานเอกอัครราชทูตฯ ทางไปรษณีย์ หลังจากนั้น สถานเอกอัครราชทูตฯ จะติดต่อท่านทางโทรศัพท์เพื่อทำการนัดหมายสอบสวนการขอสละสัญชาติพร้อมสอบสวนพยาน ทั้งนี้ ในวันที่นัดหมาย ให้พยานคนไทยที่ยืนยันได้ว่าท่านเกิดที่เมืองไทยจริงและรู้จักสถานที่เกิดของท่าน 2 คนมาพร้อมกับท่าน
3. การยื่นคำร้องขอสละสัญชาติไทยแบบที่ 3 (ตามมาตรา 22 ของ พ.ร.บ สัญชาติ พ.ศ. 2508)
สำหรับ: สามารถนำมาใช้ได้ในทุกกรณี
มาตรา 22 ระบุว่า ผู้ซึ่งมีสัญชาติไทยและได้แปลงสัญชาติเป็นคนต่างด้าว หรือ สละสัญชาติไทย หรือถูกถอนสัญชาติไทยย่อมเสียสัญชาติไทย
เอกสารที่ท่านต้องรวบรวมและส่งให้สถานเอกอัครราชทูตฯ ในกรณีนี้ มีดังนี้
4. การยับยั้งการขอสละสัญชาติ
ท่านสามารถขอยับยั้งการขอสละสัญชาติหากการขอสละสัญชาติของท่านยังอยู่ในช่วงพิจารณาและท่านยังไม่เสียสัญชาติไทย โดยส่งแบบฟอร์มขอยับยั้งการขอสละสัญชาติ กรอกเสร็จแล้วกรุณาส่งมาที่สถานเอกอัครราชทูตเพื่อการดำเนินการต่อไป
สิ่งที่ควรรู้สำหรับการขอสละสัญชาติทุกกรณี
กองบังคับการตำรวจสันติบาล 2
ซอย รามอินทรา 21
แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร 10220 ประเทศไทย
โทรศัพท์ +66-2-551-2506-7
แฟกซ์ +66-2-551-2508
วันจันทร์ ถึง วันศุกร์ (ยกเว้นวันหยุด) ระหว่างเวลา 09.00–13.00 น.
สอบถามรายละเอียดทางโทรศัพท์ ระหว่างเวลา 14.00- 17.00 น.
(โปรดตรวจสอบ เวลาให้บริการ ที่หน้า "ติดต่อเรา")