วันที่นำเข้าข้อมูล 2 ส.ค. 2568
วันที่ปรับปรุงข้อมูล 2 ส.ค. 2568
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2568 นายรัศม์ ชาลีจันทร์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ และนายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ร่วมกับ พลโท อานุภาพ ศิริมณฑล รองเสนาธิการทหารบก และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นำคณะทูต 11 ประเทศ ผู้ช่วยทูตฝ่ายทหาร 23 ประเทศ รวมถึงสื่อมวลชนต่างประเทศ 23 สำนัก เดินทางลงพื้นที่ไปยังจังหวัดอุบลราชธานีและศรีสะเกษ เพื่อสังเกตการณ์พื้นที่ที่ประชาชนได้รับผลกระทบจากการโจมตีเป้าหมายพลเรือนโดยกองกำลังของกัมพูชา
ในช่วงแรกของการลงพื้นที่ ผู้ช่วยรัฐมนตรีฯ ร่วมกับผู้แทนจากกองทัพบก ได้บรรยายสรุปแก่คณะที่ค่ายสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี โดยมีหัวข้อในการบรรยาย ดังนี้ (1) การลำดับเหตุการณ์สำคัญตั้งแต่ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2568 จนกระทั่งวันที่ 24 ถึง 28 กรกฎาคม 2568 ซึ่งทหารกัมพูชาได้เปิดฉากยิงใส่ทหารไทยก่อน นำไปสู่การปะทะกันระหว่างไทย-กัมพูชา โดยฝ่ายไทยได้ยึดปฏิบัติตามกฎหมายระหว่างประเทศและกฎบัตรสหประชาชาติ และป้องกันตนเองอย่างเหมาะสม มุ่งเป้าเฉพาะเป้าหมายทางทหารเท่านั้น ต่างจากฝ่ายกัมพูชาซึ่งโจมตีเป้าหมายพลเรือนอย่างไร้จุดหมาย อีกทั้งยังเป็นฝ่ายละเมิดข้อตกลงหยุดยิง (2) การตอบโต้ข้อมูลเท็จต่าง ๆ ของฝ่ายกัมพูชา และวิงวอนให้ทุกภาคส่วนใช้ความระมัดระวังในการกลั่นกรองข่าวสาร และ (3) การไล่เรียงภาพเหตุการณ์และเวลาที่กัมพูชาได้โจมตีฝ่ายไทยด้วยอาวุธหนัก
หลังจากนั้น คณะได้เดินทางไปยังพื้นที่พลเรือนในจังหวัดศรีสะเกษที่ได้รับผลกระทบจากการโจมตีของฝ่ายกัมพูชา ประกอบด้วย ร้านสะดวกซื้อในสถานีบริการน้ำมัน ที่ อ. กันทรลักษ์ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล บ้านซำเม็ง รวมถึงศูนย์พักพิงชั่วคราวที่ได้ตั้งขึ้นเพื่อดูแลประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการโจมตี
ทั้งนี้ การโจมตีโดยกองกำลังกัมพูชาส่งผลให้พลเรือนไทยเสียชีวิตถึง 17 คน ประชาชนบริสุทธิ์ต้องกลายเป็นผู้ไร้ที่อยู่อีกนับกว่าหนึ่งแสนห้าหมื่นคน รวมถึงกระทบต่อภาคเศรษฐกิจและสังคมในระยะยาว การโจมตีของฝ่ายกัมพูชาต่อเป้าหมายพลเรือน จึงเป็นการกระทำที่ไร้มนุษยธรรม และขัดต่อกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศและกฎหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง
การลงพื้นที่ในครั้งนี้ ได้รับความสนใจจากคณะทูต ผู้ช่วยทูตฝ่ายทหาร และสื่อมวลชนทั้งไทยและต่างประเทศเป็นอย่างมาก เป็นโอกาสในการรับทราบข้อมูลจากหน่วยงานในพื้นที่ และประชาชนที่ได้รับผลกระทบโดยตรง ซึ่งทำให้คณะได้เข้าใจสถานการณ์มากขึ้น อีกทั้งยังเป็นโอกาสให้ได้เน้นย้ำท่าทีของไทยที่ยึดมั่นในหลักสากล กฎหมายระหว่างประเทศ โดยเฉพาะกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ และการปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด
รูปภาพประกอบ
วันจันทร์ ถึง วันศุกร์ (ยกเว้นวันหยุด) ระหว่างเวลา 09.00–13.00 น.
สอบถามรายละเอียดทางโทรศัพท์ ระหว่างเวลา 14.00- 17.00 น.
(โปรดตรวจสอบ เวลาให้บริการ ที่หน้า "ติดต่อเรา")