เมื่อวันเสาร์ที่ ๑๔ มิถุนายน ๒๕๖๘ นางสาวชมพูนุช ชมภูคำ อุปทูตฯ เป็นประธานเปิดงานสัมมนาวิชาการและวัฒนธรรมไทยประจำปี ๒๕๖๘ หรืองาน Thai Tag 2025 ภายใต้หัวข้อ Threads of Time: Preserving and Creating Thai Fashion ณ สถาบันเอเชียและแอฟริกันศึกษา มหาวิทยาลัยฮัมบวร์ค จัดโดยสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเบอร์ลิน สถานกงสุลใหญ่ ณ นครมิวนิก และสถานกงสุลใหญ่ ณ นครแฟรงก์เฟิร์ต ร่วมกับสถาบันเอเชียและแอฟริกันศึกษา มหาวิทยาลัยฮัมบวร์ค โดยมี ศ. ดร. Volker Grabowsky สถาบันเอเชียและแอฟริกันศึกษา และนาย Stefan Krohn กงสุลกิตติมศักดิ์ไทยประจำนครฮัมบวร์ค ร่วมกล่าวเปิดงาน และมีผู้แทนสถานกงสุลใหญ่ ณ นครมิวนิก สถานกงสุลใหญ่ ณ นครแฟรงก์เฟิร์ต คณาจารย์และนักศึกษาด้านไทยศึกษา ภาษาไทย และเอเชียตะวันออกศึกษาในเยอรมนี เข้าร่วมกว่า ๑๐๐ คน

 

ในโอกาสนี้ อุปทูตฯ ได้กล่าวถึงความสัมพันธ์ไทย-เยอรมนี ที่แนบแน่นครอบคลุมหลายมิติทั้งการเมือง เศรษฐกิจ วัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อม ซึ่งแฟชั่นเป็นสาขาที่สะท้อนการผสมผสานระหว่างประเพณี นวัตกรรม และงานฝีมือ ซึ่งสื่อถึงอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมของไทย ปัจจุบัน รัฐบาลไทยให้ความสำคัญกับ “เศรษฐกิจสร้างสรรค์” ในฐานะกลไกขับเคลื่อนการเติบโตที่ยั่งยืนและครอบคลุม โดยแฟชั่นเป็นหนึ่งในสาขาที่รัฐบาลไทยผลักดัน ผ่านนโยบาย “Local to Global” เชื่อมภูมิปัญญาของท้องถิ่นไทยสู่สากล และหนึ่งใน Soft Power ด้านวัฒนธรรม ๕ สาขาที่มีศักยภาพ หรือ 5F ประกอบด้วย Food (อาหาร), Film (ภาพยนตร์และวีดิทัศน์), Fashion (การออกแบบแฟชั่น) Fight (ศิลปะการต่อสู้), และ Festival (เทศกาล)

 

ในช่วงการอภิปรายทางวิชาการ สถานเอกอัครราชทูตฯ ได้เชิญผู้ทรงคุณวุฒิในสาขาที่เกี่ยวข้องแลกเปลี่ยนความรู้และมุมมอง อาทิ ศ. ดร. มล.ภัทธราธร จิรประวัติ อาจารย์ด้านประวัติศาสตร์ศิลปะเอเชีย มหาวิทยาลัย California State University, Sacramento ในหัวข้อ บทบาทของแฟชั่นของสถาบันพระมหากษัตริย์กับการปรับปรุงภาพลักษณ์ของสตรีสยามตั้งแต่ปลายศตวรรษที่ ๑๙ จนถึงปัจจุบัน และ ผศ. ดร.ณัฐวัฒน์ จตุพัฒน์วโรดม คณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี (ผ่านระบบออนไลน์) ในหัวข้อ การเปลี่ยนขยะเกษตรเป็นนวัตกรรมสิ่งทอและแฟชั่นที่ยั่งยืนในประเทศไทย โดยได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์การผลิตสิ่งทอจากเส้นใยกล้วยและป่านภายใต้โครงการหลวง ซึ่งเป็นความคิดริเริ่มที่ส่งเสริมโมเดลเศรษฐกิจหมุนเวียนและส่งเสริมการเรียนรู้ของชุมชน อีกทั้ง มีการเดินแบบผ้าไทยโดยนักเรียนและนักศึกษามหาวิทยาลัยฮัมบวร์ค

 

ในช่วงบ่ายของวันเดียวกัน สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเบอร์ลิน และสถานกงสุลใหญ่ ณ นครมิวนิก ได้ร่วมจัดกิจกรรม “Career Opportunities and Scholarship in Thailand” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อประชาสัมพันธ์โอกาสและข้อมูลในการศึกษาต่อของนักศึกษาเยอรมันในประเทศไทย ตลอดจนแนวทางการประกอบอาชีพและการใช้ชีวิตในประเทศไทยสำหรับผู้ที่กำลังศึกษาไทยศึกษาในเยอรมนี โดยมีนางสาว Aline Theresia Bauer นักศึกษามหาวิทยาลัย Heidelberg ร่วมแบ่งปันประสบการณ์ลงพื้นที่วิจัยด้านมนุษยวิทยา ที่จังหวัดบุรีรัมย์ และการฝึกงานกับสมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย (Thailand Management Association-TMA) โดยมีอาจารย์ Martin Schalbruch มหาวิทยาลัย Humboldt เป็นผู้ดำเนินรายการ

 

นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมการแข่งขันตอบปัญหาเกี่ยวกับประเทศไทย โดยนักศึกษาที่เรียนภาษาไทยในมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ในเยอรมนีเข้าร่วม รวมทั้งกิจกรรม Book Launch เกี่ยวกับการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับประเทศไทย