เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2566 คณะผู้บริหารกระทรวงอุตสาหกรรม นำโดยนายเอกภัทร วังสุวรรณ รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม นายนิรันดร์ ยิ่งมหิศรานนท์ อธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและเหมืองแร่ และนางอรนุช หล่อเพ็ญศรี อธิบดีกรมทรัพยากรธรณี พร้อมคณะจำนวน 32 คน ได้เข้าพบหารือกับนายณัฐวัฒน์ กฤษณามระ เอกอัครราชทูต ณ กรุงเบอร์ลิน และได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับการพัฒนาอุตสาหกรรมอย่างยั่งยืนของเยอรมนี รวมทั้งพัฒนาการด้านเหมืองแร่และเหล็กกล้าที่ถือเป็นอุตสาหกรรมสำคัญที่พัฒนาเศรษฐกิจของเยอรมนีอย่างก้าวกระโดดในช่วงศตวรรษที่ 19 และ 20 ซึ่งปัจจุบันสหพันธ์ฯ มีเหมืองแร่ (ถ่านหินลิกไนท์) เพียง 3 แห่ง ได้แก่ Lusatia, Rhineland, Saxony/Saxony-Anhalt และจะหยุดการผลิตในปี ค.ศ. 2038 โดยพื้นที่เหมืองแร่หลายแห่งที่เคยกระจายในเยอรมนีได้ถูกพัฒนาพื้นที่ให้เป็นพื้นที่เกษตรกรรม อ่างเก็บน้ำ และป่า รวมทั้งเป็นพื้นที่เทคโนโลยีและเศรษฐกิจสมัยใหม่ เพื่อให้ประเทศบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางสภาพภูมิอากาศภายในปี ค.ศ. 2045

เยอรมนีเป็นประเทศที่ผลิตถ่านหินลิกไนท์ได้มากที่สุดในโลกและที่ผ่านมาใช้พลังงานจากถ่านหินลิกไนท์เป็นหลัก และมีแร่ธาตุชนิดดังกล่าวมากในพื้นที่ทางตะวันตก (รัฐ NRW และ Saarland) ภาคกลาง (รัฐ Saxony Anhalt) และทางตะวันออก (รัฐ Saxony) ของประเทศ โดยแร่ธาตุอื่นๆ ที่สำคัญของประเทศ ได้แก่ เกลือโพแทช เกลือหิน ถ่านหินดำ